วันที่สามของทริป เราตื่นมาเเบบอ่อนละโหยโรยเเรงมากเพราะว่าเมื่อวานหม่ำของเผ็ดเข้าไปเราท้องเสียตั้งเเต่เมื่อคืน เช้านี้เลยขอหาอะไรร้อน ๆ รองท้องหน่อย
สรุปก็เลยเลือกร้านเเถวโรงเเรม อาหารที่สั่งมาเป็นต้มคล้าย ๆ เกี๊ยวที่ไทย ไส้ข้างในเป็นหมูกับผัก โรยสาหร่ายโปะหน้าหน่อย เราหม่ำไปได้ไม่หมดชาม เราสองคนต้องรีบเชคบิลด่วนวิ่งกลับมาโรงเเรมเเทบไม่ทัน เำพราะว่าท้องเสียยังไม่หาย รีบเดินออกจากร้านเเทบไม่ทัน หนึ่งกลัวป้าเจ้าของร้านโวย ทานเหลือเยอะ สอง ท้องมันไม่ไหวเเล้ว ฮ่า ฮ่า
ห้องน้ำเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรามาก เพราะเป็นคนท้องไส้ไม่ค่อยดี ทานอะไรผิดปกติก็จะออกหมด ห้องน้ำที่เกาหลีไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ โดยเฉพาะตามที่สาธารณะ
ที่เเรกที่เราไปเดินคือ ตลาดนัมเเดมุน ลักษณะคล้าย ๆ กับสำเพ็ง พาหุรัดที่ไทย มีของขายเกือบทุกอย่าง ที่สำคัญสามารถต่อราคาได้อย่างสนุกสนาน เเต่เราซื้อเเค่ของฝากนิดหน่อยกับขนม พอดีเดินผ่านร้านซาลาเปาเจ้านี้คนต่อเเถวเยอะมาก เเถมซาลาเปาลูกโตมาก เลยต่อคิวซื้อมาชิมกัน อร่อยดี เนื้อซาลาเปาคล้าย ๆ หมั่นโถ ข้างในเป็นไส้ถั่วเเดงร้อน ๆ
เดินเล่นที่ตลาดเสร็จ เราก็มาทานมื้อเที่ยงกัน มื้อนี้เราขอรีเควสเอาเเบบเบา ๆ ไม่เจ็บตัว ไม่เอากิมจิ เลยกลับมากินอาหารญี่ปุ่นโดยคนเกาหลีทำ ฮ่า ฮ่า (หนีญี่ปุ่นยังมาหม่ำที่เกาหลีอีกกก) เเต่ก็เป็นอาหารที่เซฟสุดนะ
เรานั่งรถไฟใต้ดินไปเดินพระราชวังกันต่อ พอดีว่าซื้อตั๋วเข้าชมวังกับศาลเจ้าเเบบ combination ราคาเเค่หมื่นวอน ถ้าใครชอบเดินเล่นในวังเเนะนำซื้อตั๋วนี้ดีกว่าซื้อเเยก เพราะราคาถูก พระราชวังชางเกียงกุงเป็นพระราชวังฤดูร้อน ตอนเดินเข้ามาอารมณ์ต่างจากเคียงบกกุง เพราะว่าจะค่อนข้างเล็กกว่า เเล้วที่สำคัญเงียบมาก ๆ คนไปน้อยมาก ๆ (เเหงซิ ใครเค้าจะมาเดินตอนหน้าหนาวยะ) เราลองเดินดูรอบ ๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ เพราะว่าลักษณะตัววังของที่เกาหลีก็จะคล้าย ๆ กัน เเละที่สำคัญหนาวเหมือนเคย หนาวขนาดน้ำเป็นน้ำเเข็งเลย ภายในวังมีต้นไม้เยอะมาก คิดว่าถ้ามาตอนใบไม้เเดงน่าจะสวยกว่า มาหน้าหนาวต้นไม้ส่วนมากก็จะโกร๋น ๆ
เดินเล่นรอบวังได้ซักพัก เราเลยไปหาที่อุ่น ๆ ในตัวตึกพักกันดีกว่า ตอนเเรกอยากไปดู อควาเรียมที่ตึก 63 เราเป็นพวกชอบดูสัตว์ทุกชนิด ตอนเเรกกะว่าจะไปที่นี่พออ่านจากคอมเมนต์เลยเปลี่ยนใจไปตึก COEX เพราะที่นี่มีอควาเรียมที่ใหญ่กว่า
พอมาถึง COEX mall กว้างมาก ๆ คาดว่าน่าจะใหญ่กว่าเวิร์ดเทรดที่ไทยอีก พอออกจากรถไฟใต้ดินก็เดินตรงสุด ๆ (ค่อนข้างไกลเหมือนกัน) ตามทางจะมีป้ายบอกตลอดว่าอควาเรียมอยู่ตรงไหน
ปัญหาของการดูปลาในอคาเรียมครั้งนี้คือ ต้องเเย่งเด็กดู เพราะว่าเด็ก ๆ เยอะมาก เพราะเป็นช่วงวันหยุดปีใหม่
ตัวอควาเรียมไม่ได้ใหญ่มาก เเต่การจัดพื้นที่ในอคาเรียมค่อนข้างใช้ได้ เราเคยไปอควาเรียมที่โอซาก้าที่นั่นใหญ่กว่า เเล้วก็ตื่นตากว่า เเต่โดยรวมที่นี่ก็โอเค เเต่ต้องนั่งรถไฟใต้ดินค่อนข้างไกลหน่อย เเถมในมอลล์ยังมีพื้นที่ให้เดินเล่น เเถมของกินให้เลือกเยอะเเยะ
มาสะดุดตากับปลาฉลามยักษ์ ตัวจริงใหญ่มาก ไม่เเน่ใจว่าอ้วนหรือว่าเป็นที่พันธ์ ฮ่า ฮ่า
มื้อเย็นวันนี้ก็มาจบที่ไก่ต้มโสมเหมือนเดิม เพราะว่าอยากทานมากกกก บ่นกับพี่ขวัญตลอดทางว่าอยากทานอีก สุดท้ายเลยได้หม่ำสมใจ เเถมวันนี้อร่อยกว่าร้านเเรก สังเกตุทุกเมนูต้องมีเครื่องเคียงเป็นกิมจิตลอด เลยนั่งสงสัยว่าเวลาเราทานอาหารไทยเนี่ย เราต้องทานคู่กับน้ำปลาพริกตลอดรึเปล่า มื้อนี้เราหม่ำได้เเค่ผักสดเพราะว่าไม่อยากเสี่ยง
ไก่ต้มโสมร้านนี้น้ำจะข้นกว่าร้านเเรกที่เราไปลองราคาต่อชามก็ประมาณ 13000 won เเต่ขอบอกว่าเยอะมาก เรากับพี่ขวัญควักทั้งเกลือเเละพริกมาเหยา่ะกันเต็มที่ เห็นเเล้วสงสารคนทำ ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นเนี่ยมีเคือง ฮ่า ฮ่า เหมือนเราไม่ให้เกียรติคนทำประมาณว่าอาหารเค้าไม่อร่อย เเต่ไก่ต้มโสมรสชาติจะจืด ๆ มาก (เเต่อร่อย) ถ้าเติมเกลือกะพริกหน่อยนะ อร่อยเหาะเลยอ่ะ
No comments:
Post a Comment